Monday, December 20, 2010

Class 7 : Mobile Commerce

M-Commerce

Technology เข้ามาใกล้ถึงตัวรวดเร็วมากขึ้น จากใช้ผ่านมือถือ smart phone
Ubiquitous computing คอมพิวเตอร์เข้ามาใกล้ตัวเรามากยิ่งขึ้น ใช้งานได้ง่ายขึ้น ทำให้ชีวิตเรามีความสะดวกสบายมากขึ้น

A brief history of Mobile Computing : มีมานานแล้วตั้งแต่ปี 1968 โดยเริ่มจาก Alan Kay คิด project “one laptop per child” และเป็นคนริเริ่ม project “Mobile computing “ แต่ไม่ประสบความสำเร็จ เพราะเป็น technology ที่พัฒนาออกมาเร็วเกินไป คนอื่นยังไม่เข้าใจ ยังไม่เกิดการยอมรับในตัว technology

PDA เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยมีแล้ว กลายเป็น smart phone หมดแล้ว

Importance of Mobile commerce :

• Ubiquity : ใช้ได้ทุกที่ ถ้าเป็นคอมพิวเตอร์ก็จะต้องใช้ในสถานที่ใด สถานที่หนึ่ง แต่ถ้าเป็นมือถือ หรือ tablet จะสามารถพกพานำไปใช้ได้ทุกที่ ทุกเวลา
• Convenience : สะดวกสบาย เข้าถึง internet ได้ง่ายมากขึ้น โดยผ่านมือถือ ไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็ตาม
ต่อไป Internet กลายเป็นลักษณะเหมือนไฟฟ้า Internet จะกลายเป็นสินค้าอุปโภคไปเลย
• Instant Connectivity : สามารถเข้าผ่านมือถือได้ทันที ตลอดเวลา ถ้าใช้คอมพิวเตอร์ต้องเสียเวลาในการ boot เครื่อง เนื่องจากว่าคอมพิวเตอร์ไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อการใช้งาน internet เพียงอย่างเดียว แต่มือถือในปัจจุบันถูกพัฒนาเพื่อการใช้งาน content มากยิ่งขึ้น ทำให้การใช้งาน internet ผ่านมือถือมีความสะดวกมากกว่า
• Personalization : สามารถปรับให้ตรงกับความต้องการของผู้ใช้เองได้
• Localization of products & services : สามารถเข้าถึงข้อมูลได้และเอาข้อมูลมาเป็นของส่วนตัวได้

Drivers of Mobile Computing & M-Commerce

• Widespread availability of mobile devices : คนใช้มือถือกันอย่างแพร่หลาย โดยมากกว่า 50% ของประชากรทั้งโลกใช้มือถือ
• No need for a pc : ใช้มือถือแทนการใช้คอมพิวเตอร์
• Handset culture : เป็น culture ของคนในปัจจุบัน คือ Gen Y ซึ่งเน้นความฉับไว จึงเหมาะกับการใช้มือถือมากกว่าคอมพิวเตอร์
• Declining prices, increased functionalities
• Improvement of bandwidth : เครือข่าย 3G,3.5G
• Centrino chip : Chip ต่างๆ หรือ Processor มีประสิทธิภาพมากขึ้น กินไฟน้อยลง ทำงานได้เร็วมากขึ้น
• Availability of Internet access in automobile : เช่น GPRS ในปัจุบันอาจจะทำหน้าที่แค่บอกทาง แต่ในอนาคตอาจจะมีบริการอื่นๆ provide เสริมมาด้วย
• Networks : The Service Economy
• Vendor’s Push ขายบริการต่างๆ เช่น ธุรกิจโทรศัพท์มือถือ เน้นการขาย content มากยิ่งขึ้น เพราะตลาดมือถือไม่โตแล้ว กำไรน้อยลง // โทรศัพท์ยุคเก่าคือ voice แต่โทรศัพท์ยุคใหม่ คือ voice+content
• The Mobile Workforce : เครื่องมือที่ใช้ในการทำงานเป็นแบบพวก tablet และไม่จำเป็นต้องทำงานบนโต๊ะใน office เหมือนเดิม

Mobile Computing Infrastructure

• WAP (Wireless Application Protocol) ต้อง set standard ขึ้นมาเพื่อใฟ้คนพัฒนา software , aplplication ที่สอดคล้องกับ WAP
• Markup languages : เป็นภาษาที่ใช้ในการเขียน HTML เป็นภาษาที่เขียนหน้าเวบ , XHTML เป็นภาษาที่เขียนสำหรับมือถือ
• Mobile development
• Mobile Emulators: software ที่ช่วยให้สามารถใช้ program/game ได้
• Microbrowsers : เช่น Android, Safari, IE mobile, Firefox mobile ปัจจุบันสร้าง appication พวกเกมส์จาก Flash Player แต่ในอนาคตจะใช้ HTML5 แทนเพราะไม่จำเป็นต้อง upload ตลอดเวลาเหมือน Flash โดยมี Apple เป็นผู้นำในการพัฒนา HTML5

3G : ของ Dtac , AIS , Truemove ไม่ใช่ใช้ผ่านเครือข่าย 3G แต่รองรับ 3G เฉยๆ TOT กับ imobile ถึงจะใช้ได้จริง

WiMax : เป็น tech ที่คล้าย Wireless ระดับใหญ่ โดยมีเสาไฟฟ้าใหญ่ ส่งสัญญาณ Wireless ครอบคลุมได้ทั้งเมือง แต่ยังไม่เป็นที่นิยม เพราะมีต้นทุนสูง ส่วนใหญ่จึงเน้นพัฒนา 3G มากกว่า

RFID : เป็น chip ที่ใช้ในมือถือ สามรถใช้เป็น wallet ในการชำระสินค้าได้

Operating System ของมือถือ เช่น Android OS พัฒนามาจาก Google , iPhone OS พัฒนามาจาก Apple และ BlackBerry OS พัฒนาเพื่อใช้ในด้านธุรกิจมากกว่า แต่คนไทยเอามาใช้ในการ chat มากกว่า
BB ทำ marketing ในไทยได้ดีมาก ขายได้กว่า iPhone เนื่องจากเค้าใช้ network effect คือ กระตุ้นให้มีการใช้ BB เป็นกลุ่มๆเครือข่าย เช่น กลุ่มเพื่อน ทำให้ BB มี value มากขึ้นและการจะออกจากเครือข่ายนี้ก็มีต้นทุน switching cost
Android OS : Googleเป็นเพียงผู้พัฒนา และขายลิขสิทธิ์ให้กับคนอื่นใช้ มีลักษณะ model คล้าย Microsoft

M-Commerce Business Models
• Usage fee model (subscription based/usage based)
• Shopping Business Models
• Marketing business Models
• Improved Efficiency Models
• Advertising Business Models (Flat fees/Traffic-based fees)
• Revenue-Sharing Business Models

Mobile Banking : ทำธุรกรรมทางการเงินผ่าน Internet เช่น โอนเงิน จ่ายเงิน check statement

iTunes Ecosystem : จะกลายเป็นศูนย์กลางของ Apple ที่ใช้ในการรวม content เช่น เพลง โดยมี concept ว่าผู้ซื้อจะสามารถซื้อของที่มีคุณภาพ ถูกลิขสิทธิ์ ในราคาที่ยอมรับได้ ใน iTunes Store ก็จะมีเพลงหลากหลาย ทั้งเพลงเก่า-ใหม่ และพวกเพลง indy ด้วย ปัจจุบันค่ายใหญ่ เช่น universal ก็มาขายเพลงผ่าน itune เนื่องจากมีฐานลูกค้าที่ใหญ่มาก คือ ประมาณ 65% ของตลาดขายเพลงทั้งหมดใน USA

Q: ทำไม product ของ Apple ถึงชนะ product ของบริษัทอื่นๆ
A: จริงๆ Apple ไม่ได้ขาย software แต่ขาย content เช่นพวก application ต่างๆ ในขณะที่บริษัทอื่นๆจะเน้นขายพวก hardware เช่น feature ต่างๆ

Application ต่างของ iTunes เช่น iBooks เป็นบริการให้อ่านหนังสือออนไลน์ และมี Interactive Book จะเป็นหนังสือนิทาน หนังสือเด็ก โดย target ไปที่กลุ่มเด็ก และ Accessary เช่น case ของ iPhone

Mobile Applications in Sports : ต่อยอดไป product ที่เรารู้จัก เช่น Nike โดยจะมีอุปกรณ์อยู่ในรองเท้า Nike และ iPod จะสามารถช่วย trace ว่าระยะทางการวิ่งได้ และเก็บข้อมูลได้ เป็นรายวัน รายเดือนได้ โดยที่ Nike ก็สามารถ up ราคาของรองเท้าได้ด้วย

QR Code เช่น ของ Oishi

Location-Based Services and Commerce เช่น เข้าไปงานหนังสือที่ศูนย์สิริกิติ์ จะมี sms welcome, promotion ส่งเข้ามือถือทันที

Global Positioning Systems (GPS) : เอาไว้ trace สถานที่ โดยมากจะใช้ประโยชน์ในด้านขนส่ง เช่น ติดไว้ที่รถทัวร์ รถขนส่งสินค้าว่าตอนนี้อยู่ที่ไหนแล้ว

FourSquare เป็นบริการ Location-Based Services and Commerce โดยอาจมีการทำ promotion ร่วมไปด้วย เช่นถ้า check in ที่ใดบ่อยๆ ก็จะสามารถซื้อสินค้าราคาพิเศษหรือได้ส่วนลด

ZAGAT เป็นเวบที่ review ร้านอาหาร

Kindle เป็น tech ที่ใช้สำหรับ e-book

Mobile Enterprise Applications : เป็นส่วนช่วยสำหรับพนักงานที่ต้องออกไปทำงานนอกสถานที่ เช่นออกไปพบลูกค้า หรือทำงานระหว่างการเดินทาง

Technical and other limitations of mobile computing : Insufficient bandwidth , Security standards, Power Consumption และ Cost

Monday, December 13, 2010

Class 6 : E-Business and E-Commerce

Dell  คือองค์กรที่ใช้ e-commerce จนกลายเป็นจุดแข่งทางธุรกิจ โดยมีการสร้างช่องทางจัดจำหน่ายทาง internet ทำให้ลูกค้าสามารถ customize สินค้าได้ตามต้องการ
 E-bay และ Amazon ก็ใช้ประโยชน์จาก website ในการเป็นช่องทางการจัดหน่ายเช่นกัน 

E-Commerce Business Model
Affiliate Marketing : Vendor จะวาง logo หรือ banner บนเวบของเรา ถ้าลูกค้าคลิกไปยังเวบของ vendor และซื้อสินค้า เราจะได้ค่า commission
 Bartering Online :เป็นตัวกลางในการแลกเปลี่ยนสินค้า ซึ่งเราจะได้ point เพื่อใช้ในการซื้อสินค้ารายการอื่นๆได้
 Online Advertising : ทำโฆษณาผ่านเวบต่างๆ เช่น  facebook  Powerstudents.com.
 Company-sponsored Socially Oriented Sites : เช่น carnival connection hannah montana  blogger.com และ forbes
Application Programming Interface :คือ การเชื่อมโยงบริการ application ต่างๆของหลายบริษัทเพื่อให้ผู้ใช้สามารถใช้งานได้ เช่น iphone ,android link กับ foursquare , paypal

·        Benefit of E-commerce : ในแง่ของประโยชน์ต่อองค์กรนั้น คือ จะช่วยลดต้นทุนในด้านต่าง เช่น ต้นทุนวัตถุดิบ และช่องทางการจัดจำหน่าย ส่วนในแง่ของลูกค้านั้น จะได้ประโยชน์จากความสะดวกสบายในการใช้บริการ สามารถเข้าถึงข้อมูลได้ดียิ่งขึ้น และมีทางเลือกมากขึ้น และประโยชน์ต่อสังคมโดยรวม เช่น ลดปริมาณากรเดินทางเนื่องจากสามารถทำงานจากที่บ้านได้ คนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
·        Limitation of E-commerce : ข้อจำจัดในด้าน technology คือคู่ค้าอาจจะไม่ได้ใช้ tech.เดียวกันหรือ tech.ที่ใช้อาจมีการเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ทำให้ต้องพยายามพัฒนาตลอดเวลา ส่วนข้อจำกัดในด้านที่ไม่ใช่ tech ก็คือเรื่องปลอดภัยของข้อูลและยังขาดข้อกฏหมายที่เกี่ยวข้อง 
·        IS really EC Mechanisms ?
Electronic Catalogs : มี Catalogsให้ดู online เช่น college source , JCPenny
E-Auctions : เป็นเวบที่การประมูลสินค้า online ซึ่งมีผู้ใช้บริการทั้งในลักษณะ B2C และ B2B เช่น ubid ebay DELL Auction
Bartering & Negotiations : เป็นเวบที่ใช้แลกเปลี่ยนสินค้ากัน เช่น ioffer swaptree lala bookins
Electronic Storefronts : คือธุรกิจที่มีหน้าร้านทั้งที่เป็นหน้าร้านจริงๆและทางเวบ เช่น CDNOW Office Depot
Electronic Malls : ห้างเสมือนจริง มีข้อดีคือสามารถเข้าถึงลูกค้าได้หลายกลุ่มและไม่ต้อง stock สินค้าไว้เยอะ แต่ต้องมีระบบจัดการที่ดี เช่น msn shopping , choice mall

·        Major Model of E-Business
B2E : องค์กรกระจายข้อมูลให้พนักงานผ่านเครือข่าย intranet
E2E : พนักงานสื่อสารกันเอง
E-Collaborative: tech. ที่ทำให้เกิดการร่วมมือกันระหว่างองค์กรกับ supplier หรือ  vendor
E-Government : ส่งผ่านข้อมูลและบริการสู่ประชากร



Wednesday, December 8, 2010

Class 5 : Technology and Economic Trends and the Productivity Paradox


 Technology and Economic Trends and the Productivity Paradox
Moore’s law (Moore หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง Intel) ได้กล่าวไว้ว่า ในอนาคต พลังของ computer chip จะทวีความสำคัญมากยิ่งขึ้น ขณะที่ต้นทุนไม่ได้เพิ่มขึ้นตามไปด้วย องค์กรจึงมีโอกาสที่จะซื้อของดีในราคาถูกได้ ส่งผลให้ Price-to-Performance Ratio จะลดลงอย่างต่อเนื่อง แต่เมื่อถึงจุดหนึ่ง technology ก็จะถึงขีดจำกัด ไม่สามารถพัฒนาได้ต่อไป ต้องเปลี่ยนไปใช้เทคโนโลยอื่นแทน
เมื่อเทคโนโลยีพัฒนา ทำให้เกิด Productivity  มากขึ้นในองค์กร จะมีผลให้คนตกงานมากขึ้นหรือไม่?
คำตอบคือ อาจจะมีโอกาสเกิดขึ้นได้ วิธีแก้ปัญหาคือ ให้พนักงานไปเรียนรู้เพิ่มเติม เสริมทักษะด้านอื่นที่ computer ไม่สามารถทำได้

Productivity Paradox : ความขัดแย้งระหว่าง computer power ที่เพิ่มขึ้น แต่ productivity ที่ได้กลับน้อยกว่า หรือไม่มากเท่าที่คาดหวัง อาจเป็นเพราะ productivity มีความยากในการประเมิน หรือบางทีต้องใช้เวลากว่าจะเห็นเป็นรูปธรรม หรืออาจเป็นเพราะการลงทุนในส่วนที่จะเพิ่ม Productivity นั้นมีต้นทุนสูง ผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นจึงอาจจะไป offset กับต้นทุนที่ใช้ไป และก็อาจเป็นไปได้ว่า การใช้ IT system อาจต่างจากแผนที่เราวางไว้ ซึ่งอาจมีเรื่องกฎหมาย หรือแรงงานเข้ามาเกี่ยวข้อง ทำให้ performance ไม่เป็นไปตามที่คาด

Does Productivity Paradox Still Matter? : ในมุมมองขององค์กร  สิ่งสำคัญคือระบบนั้นสามารถก่อให้เกิด productivity แก่องค์กรโดยรวมได้หรือไม่ ซึ่งในที่นี้สามารถประเมินเป็น  2 ลักษณะ คือ
Direct impact คือผลกระทบที่เกิดขึ้นโดยตรง เห็นได้ชัด  เช่น ลด cost ในการติดต่อกับ supplier, ค่ากระดาษ ค่าโทรศัพท์ เป็นต้น
Second-order impact คือ ผลกระทบที่เกิดขึ้นจะเป็นทางอ้อม อาจไม่ใช่การลด cost โดยตรง หรืออาจเกี่ยวข้องกับการได้รับ market share เพิ่มขึ้น เช่น K-Bank พัฒนาระบบ IT จนกลายเป็นจุดขายของ Brand ว่าเป็นธนาคารที่มีความ High-Tech นอกจากจะได้ market share ในส่วนที่เป็นลูกค้าที่ชื่นชอบ technology แล้ว ยังทำให้ลูกค้าเดิมได้รับบริการที่รวดเร็วมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้ลูกค้ามีความพึงพอใจในบริการมากยิ่งขึ้น
Evaluating IT Investments: Needs, Benefits, Issues, and Traditional Methods
Why justify IT investments? : ในอดีต บางองค์กรมีการลงทุนใน IT โดยไม่ได้คำนึงถึงความจำเป็นหรือประเมินความเหมาะสมของโครงการ ส่งผลให้เกิดความกดดันทางการเงินมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะกรณีที่การลงทุนนั้นไม่ประสบความสำเร็จ ดังนั้น CIO จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องสื่อสารให้องค์กรโดยรวมมีความเข้าใจถึงบทบาทและความสำคัญของ IT เพื่อให้สามารถลงทุนใน IT ได้
ในการประเมินการลงทุนในระบบ IT นั้น องค์กรควรประเมินถึงระดับการแข่งขันทางธุรกิจว่าแข่งขันสูงมากเพียงใด ก่อนจะลงทุน นอกจากนี้เมื่อลงทุนไปแล้วก็ควรมีการติดตาม ดูและและประเมินย่างสม่ำเสมอถึงความสำเร็จของการนำระบบ IT ไปใช้แก้ปัญหา และควรให้รางวัลจูงใจกลุ่มคนที่ทำงานหากประสบความสำเร็จ
แต่ทั้งนี้ ก็มีProject บางประเภทที่ม่จำเป็นต้อง justify คือ
1. project ที่ใช้เงินลงทุนน้อยมาก
2. project นั้นจัดว่าเป็น infrastructure
3. project นั้นเป็นงานที่นายสั่ง
4. ข้อมูลในการตัดสินไม่เพียงพอ

Difficulties in Measuring Productivity & Performance Gains
1.ไม่สามารถกำหนด/ประเมินสิ่งที่กำลังประเมินได้  บางอย่างเป็น second-order impact ซึ่งวัดยาก อาจแก้ปัญหาโดยใช้ KPI
2.Time lag คือ productivity เกิดขึ้นช้า ทำให้วัด ณ ขณะนี้ไม่ได้ อาจแก้โดยวัดหลังจากที่ระบบ run ไปแล้ว หรือวัดเป็น periodic
3.วัดความสัมพันธ์ได้ยาก ไม่รู้ว่าตรงไหนที่มีผลต่อกัน

Intangible benefits : ประเมินเป็นตัวเงินได้ยาก เช่น สินค้าเข้าตลาดเร็วขึ้น ความพึงพอใจของลูกค้า
Handling intangible benefit : สามารถทำได้โดยประเมินอย่างคร่าวถึงประโยชน์ที่จะเกิดขึ้น หากประเมิน intangible benefit สูงไป จะทำให้สูญเสียโอกาสในการนำเงินไปลงทุนในส่วนอื่น แต่ถ้าประเมินต่ำไปก็อาจจะทำให้พลาดโอกาสลงทุนใน project นั้น นอกจากนี้ยังมีวิธีอื่นได้แก่
- Think broadly and softly มองหา benefit อื่นๆ เช่น ลูกค้ามีความซื่อสัตย์กับองค์กรมากขึ้น
- Pay your freight first มองผลประโยชน์ระยะสั้น สนใจอันที่ได้ชัวร์
- Follow the unanticipated ให้เปิดใจในการมอง เปิดโอกาสให้คนอื่นช่วยคิด เช่น เลย์ ให้คนช่วยคิดสูตรให้

Cost of IT Investment : Fixed cost ต้นทุนแรกเริ่มตั้งแต่ได้ระบบ IT มา เช่น infrastructure ที่ต้องซื้อเพื่อให้ระบบใช้งานได้ มักจะเป็น cost ที่เกิดขึ้นในปีแรก และ Transaction cost ได้แก่ ต้นทุนในการ search สินค้า, ต้นทุนในการได้ข้อมูลมา, ต้นทุนในการต่อรอง, ต้นทุนในการตัดสินใจว่าอนุมัติการซื้อ, ต้นทุนในการ monitor ตรวจสอบว่าสินค้า/บริการอยู่ในมาตราฐ่านที่กำหนด

Revenue models generated by IT&web
Sales รายได้จากการขาย ใช้เป็นช่องทางในการซื้อขาย เช่น e-commerce
Transaction fees เป็นรายได้จากปริมาณารการเกิดการซื้อขายสินค้ากันใน web
Subscription fees เป็นรายได้จากลูกค้าที่ต้องการใช้งานแบบ premium
Advertising fees เป็นรายได้จากการยอมให้ติด banner โฆษณา
Affiliate fees เป็นรายได้จากการที่ลูกค้าซื้อสินค้าโดยคลิกผ่าน banner ของเรา ก็จะได้เงิน

Cost-Benefit Analysis : ควรจะลงทุนก็ต่อเมื่อมี benefit มากกว่า cost โดยต้องประเมิน benefit ให้เป็นตัวเงิน ทั้งนี้ benefit ที่ใช้ประเมินควรครอบคลุมไปทั้งหมด คือ Direct benefit , Indirect Benefit และ Intangible Benefit
2 ขั้นตอนของการทำ Cost-Benefit Analysis
1.identify cost และ benefit ที่เกิดขึ้นทั้งหมด
2.วิเคราะห์ให้เป็น common unit คือเป็นตัวเงินชัดเจน

Cash Flow Forecasting : เป็นการประเมินรายได้และรายจ่ายที่จะเกิดขึ้นจากการตัดสินใจลงทุนใน project ต่างๆ ซึ่งมีหลายวิธี ดังนี้
Net profit ประเมินจากกำไรรวมทั้ง project ข้อเสียคือไม่คำนึงถึงเงินลงทุน และค่าตามเวลา
Payback period ประเมินจากระยะเวลาในการคืนทุน โดยไม่คำนึงถึง net profit ที่เกิดขึ้น
Return on Investment (ROI) ประเมินจากกำไรโดยเฉลี่ยเป็นรายปีกับต้นทุนการลงทุน ข้อเสียคือ ไม่ได้คำนึงถึงมูลค่าตามเวลา
Net present value (NPV) สะท้อนมูลค่าของเงินตามเวลา ความยากอยู่ที่การเลือกใช้ discount rate ที่เหมาะสม discount rate ที่ต่างกันจะส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจลงทุน
Interest rate of return (IRR) สะท้อนมูลค่าของเงินตามเวลา เป็น rate ที่ทำให้ NPV เป็น 0 สามารถใช้เปรียบเทียบกับโครงการลงทุนอื่นๆได้


Wednesday, December 1, 2010

Class 4 : IS Acquisition and Options

Reasons To Outsource : เพื่อให้องค์กรสามารถ focus กับการสร้าง Core Competency ได้อย่างเต็มที่ อีกทั้งยังเป็นการลดต้นทุนและปรับปรุงคุณภาพให้ดียิ่งขึ้น รวมถึงยังช่วยให้องค์กรสามารถตอบสนองต่อการแข่งขันได้อย่างทัดท่วงทีและช่วยสร้างนวัตกรรมใหม่ได้เร็วยิ่งขึ้น
Outsource IT Function : ส่วนใหญ่จะเป็นส่วนของ Application Maintenance , Telecommucations/LAN  และ PC maintenance
Risk Associated with Outsourcing
Shirking  เกิดจาก vendor ทำงานได้ต่ำกว่ามาตรฐานแต่ได้รับค่าตอบแทนเต็มจำนวน
Poaching  เกิดจากการที่ vendor พัฒนา application ขึ้นมาให้กับลูกค้าแล้วนำไปขายให้ลูกค้ารายอื่นด้วย
Opportunistic repricing   เกิดจากการที่ลูกค้าทำสัญญาระยะยาวแล้ว vendor  เปลี่ยนแปลงโครงสร้างสัญญาด้านการเงิน
Hidden Costs of Outsourcing
Benchmarking & analysis  : ต้นทุนที่เกิดจากการเปรียบเทียบและวิเคราะห์
 Investigating & contracting with vendor : ต้นทุนที่เกิดจากการพิจารณา vendor และทำสัญญา
Transmitting work & knowledge to outsourcer : ต้นทุนที่เกิดจากการโยกย้ายงานและความรู้ต่างๆไปยัง vendor
Ongoing staffing & management of outsourcing relationship : ต้นทุนที่เกิดจากการที่ยังต้องว่าจ้างพนักงาน
Transitioning back to  in-house : ต้นทุนที่เกิดจากการย้ายงานที่เสร็จแล้วกลับเข้าไปในองค์กร

Strategies for Risk management in Outsourcing :
Understand project
Divide& conquer : แบ่ง project ออกเป็น part เล็กๆ แล้วค่อยๆทำ งานจะสำเร็จได้ง่ายขึ้น
Align incentives : ให้ incentive ตาม performance
Write short-period contract : กระตุ้นให้ขยันทำงานโดยใช้สัญญาว่าจ้างที่อายุสั้นๆ
Control Subcontracting  : ในกรณีที่มีการว่าจ้าง vendor หลายทอด องค์กรต้องเข้าไปตรวจสอบ ควบคุมองค์กรที่ vendor ไปว่าจ้างอีกทอดหนึ่งด้วย
Do selective outsourcing : เลือก outsource เฉพาะส่วนที่ไม่ใช่ core competency  
Evaluating Outsourcing
How well is business value delivered? : ประเมินว่าการทำงานของ vendor มีคุณภาพมากเพียงใด
ใช้ Balance Scorecard ในการประเมินมูลค่าของการใช้ outsourcing  หรืออาจจะใช้ Multi-vendor approach ในกรณีที่ outsource กับหลาย vendor
IT Application Acquisition Issues
Wide range of size & types : IT Application มีหลากหลายประเภท ขนาด และการนำไปใช้งาน
Application keep changing over time. : IT Application มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ไม่หยุดนิ่ง
Applications may involve several business.: อาจจะเกี่ยวข้องกับหลายธุรกิจ
No single way to acquire IT applications. :  มีหลายวิธีในการได้มาซึ่ง IT Application
Diversity of IT applications requires variety of acquisition methodologies& approaches. :ในขณะที่ IT Application มีความหลากหลาย แต่ก็ต้องการวิธีการสรรหาที่หลากหลายวิธีเช่นกัน
Acquisition Process of IT Application
Step 1: วางแผน ระบุ ประเมิน ระบบ IT ซึ่งต้องสอดคล้องกับองค์กรธุรกิจโดยภาพรวม
Step 2 : ออกแบบโครงสร้างระบบ IT และวางแผนเกี่ยวกับ Infrastructure ที่ต้องการเพิ่มเติมในการสนับสนุนระบบ IT
Step 3 : เลือกว่าจะ 1.สร้างเองในองค์กร 2. จ้าง vendor เพื่อสร้าง custom-made system 3.ซื้อ application ที่มีขายอยู่แล้ว 4.Lease 5. ทำสัญญา partnership 6. ใช้หลายวิธีร่วมกัน
IT Project Justification : เนื่องจากองค์กรไม่สามารถลงทุนในทุกระบบ IT ได้จึงต้องมีการประเมินจาก cost-benefit
Acquiring IT Applications: Available Options
องค์กรควรจะเลือกซื้อ IT Applications ก็ต่อเมื่อ IT Applications นั้นครอบคลุมความต้องการและยืดหยุ่นมากพอที่จะปรับแต่งเพื่อการใช้งานในอนาคต